จะสร้างความสุขให้ชีวิตอย่างไร บทที่ 6

จะสร้างความสุขให้ชีวิตอย่างไร บทที่ 6
จะสรา้งความสุขให้ชีวติอย่างไร บทที่ 6 วันนี้ค่อนข้างยาวหน่อยครับ เพราะมีการเปรียบเทียบ ยกตัวอย่างพอสมควร แต่ยิ่งเยอะเรายิ่งได้รู้เยอะจริงมั๊ยครับ เพราะฉะนั้นอย่าเพิ่งถอดใจจากการอ่านแนวคิดคำสอนของท่านจี้กงที่แอดมินนำมาบอกต่อกันนะครับ ว่าแล้วเราก็ไปดูบทที่ 6 กันเลยครับ


ข้อ ๖.กุญแจดอกสำคัญของการมีความสุขก็คือต้องยอมรับชะตากรรมของตนเอง
กุญแจดอกสำคัญของการมีความสุขก็คือต้องยอมรับชะตากรรมของตนเอง
ยกตัวอย่าง เช่น บุตรชายต้องตายจาก หรือคนที่มีรูปร่าง อัปลักษณ์ เตี้ย โง่เขลามาแต่กำเนิด ซึ่งไม่สามารถเปลี่ยนแปลง ได้ใช่ไหม? (ไม่สามารถ) จะโทษฟ้าโทษคนก็ไม่สามารถให้กลับ ฟื้นคืนชีวิตมาได้ ดังนั้นเจ้าต้องเข้าใจว่านี่เป็นแรงกรรม และเป็นความจริงที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ เจ้าอย่าไปโทษฟ้าโทษคน จะต้องยอมรับความจริงข้อนี้ เจ้าต้องคิดวันนี้ เขาจากเราไปแล้ว เราไม่ต้องหนักใจกังวลแทนเขาไม่ต้องช่วยเลี้ยงลูกให้เขา เจ้าก็หลุดพ้นเหมือนกัน เจ้าจะพูดว่าเราไม่ต้องไปหนักใจ กังวลแทนเขาทุกๆ วัน เขาอาจจะไปแล้ว กลับไปเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อม ที่ดีกว่า เจ้าจะต้องคิดไปในทางที่ดี คนรูปร่างเตี้ยเล็ก เจ้าต้องคิดว่านี่เป็นวาสนาถึงแม้จะเตี้ยก็น่ารัก ผู้หญิงมีรูปร่างอัปลักษณ์ หนังตาชั้นเดียวก็มีเสน่ห์เช่นกัน ทำไมต้องไปผ่าตัดเสริมหนังตา สองชั้นทำไมจึงต้องไปดึงหนังให้ตึง ทำไมจึงต้องไปใช้เครื่องดึง ตัวให้สูง เราต้องยอมรับชะตากรรม ไม่ต้องไปแสวงหาสิ่งภาย นอกซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งไร้สาระทั้งนั้น

การบำเพ็ญธรรมะ
คนเราล้วนใช้อายตนะสัมผัสอันเกิดทาง ตา หู จมูก ลิ้นกาย ใจ ไปวิพากย์วิจารณ์คนอื่น ชีวิตคนเรานี่เป็นข้อผิดพลาด เจ้าได้กินดีก็วาสนาดี ลูกสาวได้แต่งงานไปอยู่บ้านคนรวยก็บอก ว่าวาสนาดี ไม่แน่นอนเสมอไป แต่งงานไปอยู่บ้านคนรวยทะเลาะ กันทุกวัน คนรวยมีสถิติหย่าร้างกันสูงมาก วาสนาดีไหม? ไม่แน่ ดังนั้น ภายในสวยงามจึงสำคัญกว่า ผู้ที่ยังไม่ได้แต่งงาน จะหาคู่ครองในวันข้างหน้า หน้าตาพอไปวัดไปวาได้ก็พอแล้ว ภายในมีขันติธรรม สำคัญที่สุดสามารถร่วมสุขร่วมทุกข์กับเจ้าได้นั่น แหละสำคัญที่สุดก้าวตามกันได้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน หากยังไม่ได้รับธรรมะ ก็พยายามหาวิธีนำพาเขามารับธรรมะ ทีหลังจะได้บำเพ็ญธรรมด้วยกัน จะได้ไม่ต้องคนหนึ่งกินเจ อีกคนหนึ่งไม่กินเจคนหนึ่งเข้าประตู คนหนึ่งออกประตู ถ้าอย่างนั้นก็จะยุ่งยากพวกเจ้าทั้งหลาย ในปัจจุบันเจ้าต้องเตรียมตัวเตรียมใจเพื่อความผาสุกของตัวเอง

การบำเพ็ญธรรมะในยุคนี้ อาจารย์ว่าทุกบ้านเป็นอารามพระศรีอาริย์ ทุกคนมีใจเป็นแดนวิสุทธ์ิ เวไนยมากมายเช่นนี้ พวกเจ้าแต่ละคนสร้างสรรค์ครอบครัว บำเพ็ญธรรมดีที่สุด อาจารย์ไม่เรียกร้องพวกเจ้าเป็นหวังเหล่าอู่ (หวังเหลาอู่ เป็นคนหลักลอย มีชีวิตอยู่ไม่คิดประกอบอาชีพเป็นหลักแหล่ง วันๆ เข้าบ้านโน้นที ออกบ้านนี้ที เอาคนบ้านนี้ไปนินทาบ้านโน้น เอาเรื่องราวของคน บ้านโน้นมานินทาบ้านนี้ที)

การบำเพ็ญธรรมะตลอดชีวิต เนื่องจากมีเรื่องราวมากมายไม่สามารถบุกทะลวงไปได้ ยังไม่สำเร็จเป็นพระโพธิสัตว์ จึงมีความเป็นปุถุชน เพราะฉะนั้นทุกอย่างให้เป็นไปตามเหตุบุญกรรมก็แล้วกัน ไม่มีเหตุแห่งบุญสัมพันธ์ก็อย่าไปฝืนสร้างมัน และก็อย่าไปปฏิเสธมัน ทุกอย่างล้วนให้มันเป็นไปตามเหตุแห่งบุญกรรมสัมพันธ์ อย่างนี้ จึงจะมีชีวิตอยู่อย่างมั่นคงแน่นอน พวกเจ้าสร้างสรรค์จิตใจกันไว้ อนาคตจะได้รับปทานุกรม การหาคู่ที่ไร้รูปลักษณ์เล่มหนึ่ง สร้างสรรค์ครอบครัวบำเพ็ญธรรมทุกคนบำเพ็ญธรรมในบ้านรวบรวม พลังของเจ้าไปช่วยเวไนยให้มากๆ จากครอบครัวหนึ่งไปฉุดช่วย อีกครอบครัวหนึ่งจะมิยิ่งดีหรือ? พวกเจ้ามีมหาปณิธานของ มหาโพธิสัตว์ก็ยิ่งดีหากไม่มีบำเพ็ญมนุษยธรรมก็สำเร็จได้เหมือนกัน ธรรมะก็สร้างจากครัวเรือนในโลกีย์วิสัย พุทธะก็สำเร็จจากครอบครัวแห่งโลกีย์วิสัยนี้เอง ไม่ใช่ตัดทิ้งหมดทุกอย่างแน่นอน หากเจ้าเสียสละยิ่งมากผลลัพธ์ก็ยิ่งมาก เพราะฉะนั้น หากมีการเสียสละอย่างพิเศษ ก็จะได้รับผลเป็นพิเศษ นี่เป็นภาระหน้าที่อันศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขา อาจารย์ถ่ายทอดเบิกธรรม ไม่ใช่ทุกคนจะเสียสละอุทิศได้เช่นนี้ เพราะฉะนั้นคนเราขอให้ สบายใจตั้งมั่นในชีวิตก็แล้วกัน ไม่ฝืนหาเหตุแห่งบุญสัมพันธ์ แล้วก็ไม่ปฏิเสธชะตากรรมเข้าใจไหม?

ไม่มีความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น